สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกแล้วกับ แวน ไงจะใครล่ะ วันนี้แวนได้ฤกษ์งามยามดี มีวันหยุดกับเขาตั้ง 1 วันแน่ะ อยากจะพาทุกคนไปเที่ยวชมความสวยงามของวัดในกรุงเทพฯ โดยการไปเที่ยวครั้งนี้ใช้บริการเช่ารถตู้VIPพร้อมคนขับ เพื่อไปเที่ยวชมวัดสวยๆ ในกรุงเทพฯ กันว่าจะมีที่ไหนที่สวยและโดนใจเหล่าวัยรุ่นอย่างเรา ๆ บ้าง ไปเที่ยวกันเลยย...
จุดเริ่มต้น วัดแรกที่จะพาไปคงหนีไม่พ้น วัดที่ดังไกลระดับโลก วัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม อลังการ และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน อย่าง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือเรียกกันติดปากว่า วัดพระแก้ว
วัดพระแก้ว ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ เมื่อครั้งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ.2325 ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง เขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก ติดท้องสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปปางสมาธิ ทำด้วยมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำ ที่อัญเชิญมาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ หรือ ประเทศลาวในอดีต ภายในวัดพระแก้ว มีสถานที่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย จุดสำคัญที่หากไปเที่ยววัดพระแก้วแล้วห้ามพลาดเลย ได้แก่ พระอุโบสถ พระศรีรัตนเจดีย์ หอราชกรมานุสร และหอพงศานุสร ปราสาทพระเทพบิดร พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ค่าเข้าชม
คนไทย เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย / ชาวต่างชาติ ค่าเข้าชม บัตรราคา 500 บาท
สามารถซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าชม เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30 - 11.30 น. และเวลา 13.00 - 15.30 น.
วัดที่สองใช้เวลาเดินทางไม่นาน แค่ 10 นาที ซึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาวัดนี้มีชื่อเดิมว่า วัดมะกอกนอก เป็นวัดที่ทั้งสวยงาม และมีเอกลักษณ์มาก ด้านหน้าวัดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ใครก็ตามที่สัญจรผ่านทางเรือก็ต้องพบเห็นความสวยงามจนชินตา และสำคัญพระปรางค์วัดแห่งนี้ เป็นพระปรางค์เดียวกันที่อยู่บนเหรียญ 10 บาทอีกด้วย
วัดอรุณราชวราราม หรือที่เราเรียกกันว่า วัดแจ้ง วัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้มีการย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาที่กรุงธนบุรี และได้โปรดเกล้าฯ ให้วัดแจ้งเป็นวัดในเขตพระราชฐาน อีกทั้งในสมัยนั้น ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต ที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์อีกด้วย และวัดอรุณฯ ยังมีตำนานที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินผ่านๆ หูกันมาอย่าง ตำนานยักษ์วัดแจ้ง มี 2 ตน คือ ยักษ์ด้านเหนือกายสีขาว มีชื่อว่า “สหัสเดชะ” และยักษ์ด้านใต้กายสีเขียว มีชื่อว่า “ทศกัณฐ์” ซึ่งเรามักจะเห็นอยู่เป็นประจำ ทั้ง 2 ตน ยืนเฝ้าที่ประตูซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถ วัดอรุณราชวราราม และไฮไลท์อีกอย่างก็คือ พระปรางค์วัดอรุณ เป็นสถานที่ยอดฮิตใครที่มาวัดอรุณฯ ต้องแวะถ่ายรูปอย่างแน่นอน
ก่อนจะเดินทางไปวัดที่ 3 แวนว่าเรามาพูดถึงเช่ารถตู้10ที่นั่งVIPที่เราใช้บริการอยู่ในตอนนี้ดีกว่าว่าดียังไง การเดินทางครั้งนี้แวนใช้บริการเช่ารถตู้VIPพร้อมคนขับ ซึ่งไม่ว่าแวนจะเดินทางไปที่ไหนแวนก็จะใช้บริการเช่ารถตู้เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะทั้งสะดวก ปลอดภัย แถมราคาเป็นมิตร นอกจากจะพาเที่ยวแล้วก็ยังสามารถเช่าไปประชุม สัมมนางานต่าง ๆ ไปงานบวช งานแต่ง งานขาวดำ หรืองานอื่น ๆ ซึ่งรถตู้ที่แวนเช่ามาวันนี้เป็นตัวรถรุ่นใหม่ ภายในกว้างขวางไม่แออัด ตกแต่งเรียบหรู แอร์เย็นช่ำทั้งคัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สร้างความสนุกสนานตลอดการเดินทางด้วยการร้องคาราโอเกะ ดูหนัง ฟังเพลง และสุดท้ายที่ทำให้แวนเลือกใช้บริการเช่ารถตู้VIP พร้อมคนขับ ก็คือ ความเป็นมิตรของคนขับ บริษัทที่แวนเลือกใช้บริการ คือ VANHIREVIP เช่ารถตู้พร้อมคนขับ ครับ
วัดที่สาม วัดนี้ใช้เวลาเดินทางไม่นาน จะเดินก็ได้หรือปั่นจักรยานก็ดี แต่จะดีกว่ามากก็ต้องใช้เช่ารถตู้วีไอพี10ที่นั่ง เดินทางสะดวกไม่ร้อนเพราะพอไหว้เสร็จเรียกคนขับมารับได้เลย สะดวกมาก วัดนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 และได้รับการประกาศรับรองให้เป็น มรดกความทรงจำแห่งโลก อีกทั้งเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย เป็นสถานที่เล่าเรียน พระปริยัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และหากว่าเราเข้ามาบริเวณศาลาก็จะเห็นลวดลายต่างๆ ที่แปลกตาตามผนังวัด หรือที่เรียกว่า จารึกวัดโพธิ์ ประกอบไปด้วยตำราแพทย์ วรรณกรรม และโบราณคดี เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนและตำราเรียน จึงต้องมาเล่าเรียนในวัด โด่งดังจนถึงขั้นได้ขึ้นทะเบียน ยูเนสโก (UNESCO) เดินเข้าไปอีกนิดเราก็จะเจอ พระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอน เป็นพระพุทธรูปองค์โตสีทองเหลืองอร่าม ยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย บริเวณฝ่าพระบาทประดับมุกที่มีความประณีต เป็นรูป ภาพมงคล 108 ประการ ซึ่งหาดูได้ยากมาก
หากเดินออกจากวัดมาหน่อยก็จะเจอที่เที่ยวอีกที่ ทั้งสวยงาม คลาสสิค เป็นสถานที่ที่มีมุมถ่ายรูป สวยๆ เก๋ๆ สุดชิค เพราะที่นี้เคยเป็นที่อยู่ของขุนนางและเจ้าขุนมูลนายหลายพระองค์เพราะอยู่ใกล้กับพระบรมหาราชวัง ยังเป็นย่านการค้าใหญ่ในอดีต ปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ท่าเตียน เป็นย่านใจกลางมหานคร อยู่ติดกับวัดโพธิ์ เป็นย่านเก่าแก่ที่ในอดีตผู้คนจากต่างถิ่นเข้ามาค้าขายทั้งทางบกและทางน้ำ ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ถ่ายรูป นั่งชิล เพราะได้มีการปรับปรุงทาสีให้มีความสดใสแต่ยังคงความคลาสสิคไว้ สดุดตาที่สุดก็คงเป็นตึกเก่าที่ทาสีเหลืองทั้งอาคาร ตั้งโดดเด่นกลางสี่แยกตรงข้ามกับวัดพระแก้ว ใครที่อยากมาถ่ายรูปแนะนำเป็นช่วงเย็นประมาณ 4 โมง ซึ่งแดดเวลานี้คงไม่ร้อนมากแสงก็กำลังพอดีเหมาะแก่การถ่ายรูปที่สู้ดด..
วัดที่สี่ วัดนี้ใช้เวลาเดินทางจากวันพระแก้วแค่ 10 นาทีก็ถึง เป็นวัดที่ผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันตกและไทยเข้าด้วยกัน และเป็นพระอารามหลวงสุดท้ายที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณี
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หรือนิยมเรียกสั้นว่า วัดราชบพิธ วัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 และ 7 ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ พระอุโบสถ วิหาร เจดีย์ และระเบียงแก้ว ซึ่งมีลายไทยลงรักประดับมุกที่วิจิตรสวยงาม บางส่วนตกแต่งด้วยลายกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์ พระเจดีย์ประดับกระเบื้องเคลือบทรงระฆังตั้งอยู่กลางวัด เป็นเจดีย์ประธานองค์สุดท้าย ที่สร้างขึ้นตามแบบแผนประเพณีนิยมที่ทำกันมาแต่โบราณ ใครยังไม่เคยไปแวะเที่ยวกันได้ครับ